a day: number 192: Olympics Ad Champions

Global Review: Advertising ตอน แชมเปี้ยนโฆษณาโอลิมปิก By Weerachon Weeraworawit, Published: 25 August 2016 โหมโรงอย่างเงียบเชียบ สำหรับโอลิมปิกฤดูร้อน ที่กรุงรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากโดนข่าวใหญ่มากมายไล่กลบพื้นที่ข่าวซะมิด อย่างผลโหวตช็อคโลก Brexit ที่ทำให้สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป และเหตุก่อการร้ายในประเทศต่างๆ นำไปสู่ความผันผวนในทุกด้านที่ทำให้ผู้คนต้องติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของมหกรรมกีฬาเอง ก็โดนการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งที่ผ่านมาแย่งพื้นที่ข่าวไปจนเกลี้ยง ในแง่ของข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิกเอง ก็พาลเป็นข่าวในด้านลบซะเป็นส่วนมาก ไม่ว่าจะเป็นข่าวความกังวลที่มีต่อมหันตภัยไวรัสซิก้า ทำเอานักกอล์ฟและนักเทนนิสชั้นนำถอนตัวกันอื้อ รวมไปถึงความไม่เชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัยของประเทศเจ้าภาพ ทำให้ต้องลุ้นยอดผู้เข้าร่วมชมมหกรรมกีฬาครั้งนี้กันตัวโก่ง นั่นทำให้ในปีนี้ ผู้จัดการแข่งขันน่าจะต้องขอบคุณบรรดาผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้มากๆ เพราะถ้าจะมีการพูดถึงโอลิมปิกแบบเสียงดังฟังชัด เรียกกระแสความสนใจจากคนทั่วไปอย่างได้ผล ก็ต้องยกเครดิตจำนวนมากให้กับแคมเปญโฆษณาของสปอนเซอร์ ที่เทงบฯ มาโปรโมตแบรนด์กันเป็นว่าเล่น เท่ากับช่วยโปรโมตโอลิมปิกไปด้วยในตัว เริ่มด้วย Coca-Cola โดย Ogilvy & Mather บราซิล ออกแคมเปญ #THATSGOLD ต่อยอดแคมเปญใหญ่ที่กำลังใช้อยู่ทั่วโลก Taste the Feeling ฉลองอารมณ์ที่ได้จากความสดชื่นในการดื่มโค้ก ว่ามีคุณค่าดุจเดียวกับอารมณ์ของนักกีฬาที่ชนะได้เหรียญทอง ต่อด้วยยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้า Samsung ที่ออกตัวแรงแจกโทรศัพท์มือถือรุ่นพิเศษ Galaxy S7 Edge และหูฟัง Gear IconX ให้กับนักกีฬาทุกคนที่เข้าร่วมแข่งขัน ควบคู่ไปกับแคมเปญหนังสารคดีชั้นยอด A Fighting Chance ที่ได้ผู้กำกับภาพยนตร์รางวัลออสการ์ Morgan Neville มาช่วยถ่ายทอดเรื่องราวของนักกีฬาในประเทศที่ด้อยโอกาส กับความฝันในการเป็นผู้ชนะกีฬาโอลิมปิก และที่ต้องจับตามองคือเจ้าพ่อเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา Nike ที่ได้เป็นสปอนเซอร์หลักสมใจเสียที หลังจากที่ปิดดีลล้มการผูกขาดโอลิมปิกจาก Adidas มาได้ ต้องคอยดูว่าทางเอเจนซี่คู่บุญ Wieden + Kennedy จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานเอาชนะสุดยอดแคมเปญ Find Your Greatness ที่ตนเองทำไว้ เมื่อคราวยังไม่ได้เป็นสปอนเซอร์หลักในปี 2012 ได้สำเร็จหรือไม่... Read The Rest →
a day: number 191: And The Winner Is… Cannes

Global Review: Advertising ตอน คานส์ ผู้ชนะตัวจริง By Weerachon Weeraworawit, Published: 25 July 2016 จบไปหมาดๆ กับเทศกาลประกวดผลงานโฆษณาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก Cannes Lions International Festival of Creativity ที่จัดขึ้นระหว่าง 18-25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ป่านนี้ ครีเอทีฟที่ได้รับรางวัลสิงโตกลับบ้านคงยังหน้าบานไม่เลิก ส่วนครีเอทีฟที่วืดรับประทานแห้วก็คงหมายมั่นปั้นมือ ตั้งหน้าตั้งตาปั้นงานโฆษณาเพื่อส่งเข้าแข่งขันในปีต่อไป มีผู้ชนะก็มีผู้แพ้ แต่ทุกปี คานส์ไม่เคยแพ้ และจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล ตราบเท่าที่ครีเอทีฟและเอเจนซี่โฆษณาทั่วโลกยังพร้อมใจกันจ่ายเงินค่าสมัครให้กับเวทีแห่งนี้ จะไม่ชนะได้ไงครับ ในเมื่อค่าส่งผลงานเข้าประกวดแพงลิบลิ่ว แถมยังแพงขึ้นทุกปีแบบไม่ง้อเศรษฐกิจโลก โดยค่าส่งผลงานต่อชิ้นจะอยู่ระหว่าง 20,000-55,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าคุณส่งผลงานเข้าประกวดในหมวดไหน ซึ่งมีมากถึง 24 หมวดให้เลือกสรร แถมส่งผลงานเดียวกันเข้าประกวดในหมวดอื่นได้อีกด้วย พ่วงด้วยค่าบัตรเข้าชมงาน ที่มีหลากหลายแพคเกจให้เลือกเช่นกัน บัตรยอดนิยมจะเป็นแบบ Classic สนนราคาเบาะๆ 120,000 บาท เข้าชมงานได้ทุกจุดตลอด 8 วัน แต่ถ้าอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเปิด-ปิดด้วยล่ะก็ ต้องใช้บัตร VIP ราคา 200,000 บาท จากการเปิดเผยตัวเลขรายได้จากการจัดงานในปี 2015 ค่าส่งผลงานเข้าประกวดและค่าบัตรเข้าชมนับเป็น 83% ของรายได้ในงานเลยทีเดียว มีผลงานเข้าร่วมประกวดถึงกว่า 40,000 ชิ้น จาก 90 ประเทศทั่วโลก มีผู้จ่ายเงินซื้อบัตรเข้าร่วมงาน 9,531 คน ส่วนรายได้อีก 9% มาจากสปอนเซอร์รูปแบบต่างๆ แถมท้ายอีก 8% ที่เหลือ มาจากค่าสมัครเข้าชมผลงานทางออนไลน์ และจากการขายรางวัลสิงโตทอง เงิน ทองแดง ให้กับผู้ชนะในแต่ละปี อย่าดูถูกนะครับ เจ้าสิงโตตัวน้อยๆ เนี่ย สนนราคาตัวนึงไม่ใช่น้อยๆ... Read The Rest →
a day: number 190: America You Can Drink

Global Review: Advertising ตอน อเมริกาที่คุณดื่มได้ By Weerachon Weeraworawit, Published: 25 June 2016 หลังจากที่บ้านเราเข้มงวดกวดขันโฆษณาเหล้าเบียร์ด้วยมุมมองว่าเป็นสินค้าบาป โอกาสของครีเอทีฟไทยในการสร้างสรรค์งานโฆษณาชั้นเลิศ ให้กับหมวดสินค้าที่เปิดกว้างต่อจินตนาการที่สุดหมวดหนึ่งในโลกก็หมดไป ผู้บริโภคไทยจึงได้เห็นแต่งานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แสนน่าเบื่อ จะแบรนด์ไหนๆ ก็โปรโมตทัศนคติการทำดีเพื่อสังคม โฆษณาเลยออกมาหน้าตาเหมือนกันไปหมด เพราะโดนตีกรอบโดยหน่วยงานรัฐฯ เอาไว้แน่นหนา ห้ามโฆษณาล้ำเส้นที่ขีดไว้ พอบางแบรนด์แอบแพลมไปให้คนดังช่วยโพสต์รูปกับเครื่องดื่มของตนบนโลกโซเชียล ก็ไม่วายโดนคู่แข่งจับมาประจานว่าทำผิดกฎ เรียกได้ว่าเครียดกันไปหมดทั้งคนปั้นแบรนด์และคนโฆษณา โดนมัดมือมัดเท้าให้ทำงานอยู่ในกรอบ เราจึงไม่ได้เห็นงานตลกหลุดโลกแบบเบียร์ Newcastle โดยเอเจนซี่โฆษณา Droga5 จากนิวยอร์ค ที่คอยทำแคมเปญล้อเลียนซูเปอร์โบว์ล หนังโฆษณาสไตล์แอ็คชั่นมันส์ๆ โดย Wieden + Kennedy จากอัมสเตอร์ดัมที่ทำให้กับเบียร์ Heineken จนคว้า Gold Cannes Film Lions ได้แบบผูกปี หนังออนไลน์สุดเท่จากสุดยอดเอเจนซี่โฆษณาอิสระ Anomaly จากนิวยอร์คที่ได้ Jude Law มาเดินเรื่องโฆษณาเหล้าวิสกี้ Johnnie Walker Blue Label รวมไปถึงไอเดียล้ำๆ แบบที่ Anomaly กำลังครีเอทให้กับเบียร์ Budweiser ในตลาดอเมริกา เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ จะเปลี่ยนชื่อเบียร์เป็น America ภายใต้แนวคิด America is in Your Hands โหนกระแสชาตินิยมต้อนรับเทศกาลโอลิมปิกที่จะแข่งขันกันที่บราซิล และฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ โคปา อเมริกา ซึ่งในปีนี้อเมริกาเป็นเจ้าภาพ โดย Budweiser ได้เข้าไปเป็นสปอนเซอร์หลักของทั้ง 2 มหกรรมกีฬาดังกล่าว ทั้งยังหวังผลยาวๆ ไปถึงกระแสการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี และไหนๆ ก็มาทางชาตินิยมกันแล้ว ก็ไปให้สุดโต่งกันเลย ดังนั้นนอกจากจะแทนที่โลโก้แบรนด์บนกระป๋องเบียร์ด้วยชื่อประเทศ America แล้ว ก็ยังพิมพ์คำขวัญของประเทศ E... Read The Rest →
a day: number 189: Get Well Soon, Kumamon

Global Review: Advertising ตอน หายไวๆ นะ คุมะมง By Weerachon Weeraworawit, Published: 25 May 2016 ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผมเลยถือโอกาสพาทีมงาน Well Done Bangkok โดดหนีงานยุ่งๆ มุ่งไปเที่ยวพักผ่อนประจำปีกันที่ฟูกุโอกะ เมืองใหญ่ที่สุดบนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น สาเหตุที่เลือกเมืองนี้ นอกจากจะได้ชื่นชมต้นกำเนิดวิถีการเกษตรแบบ “ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว” แล้ว ก็ยังเพื่อใช้เป็นฐานต่อยอดไปเที่ยวชมเมืองอื่นๆ ที่น่าสนใจ เพราะอยู่ใกล้ทั้งเบปปุ เมืองที่มีบ่อน้ำร้อนมากที่สุดในญี่ปุ่น ยูฟุอิน เมืองเล็กๆ น่ารักๆ อารมณ์เชียงคานบ้านเรา นางาซากิ เมืองโศกนาฏกรรมจากระเบิดปรมาณู และที่จะพลาดไม่ได้เลยก็คือการเยี่ยมชมคุมาโมโตะ เมืองที่มีหมีคุมะมงขวัญใจชาวญี่ปุ่นและชาวไทยเป็นมาสคอต เชื่อว่าทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้ว ว่าหมีคุมะมงเป็นพรีเซนเตอร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองคุมาโมโตะได้เป็นอย่างมาก สามารถพลิกฟื้นเมืองทางผ่านที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเพียงไม่กี่แห่ง ให้กลายเป็นเป้าหมายหลักในการปักหมุดเดินทางของนักท่องเที่ยว โดยจุดเริ่มต้นความสำเร็จต้องยกความดีความชอบให้กับทีมงานผู้ว่าฯ ที่ปลดล็อคเรื่องลิขสิทธิ์ อนุญาตให้หน่วยงานธุรกิจในเมืองนำภาพหมีคุมะมงไปใช้ในสินค้าและบริการตนได้ กลายเป็น Crowdsourcing ที่ทรงประสิทธิภาพ เกิดการช่วยกันทำช่วยกันโต จนไม่ว่าจะไปไหนมาไหนบนเกาะคิวชู เป็นต้องได้เห็นหน้าค่าตาเจ้าหมีดำตัวนี้ ทั้งในรูปแบบภาพนิ่ง ผลิตภัณฑ์ ของที่ระลึก เลยเถิดไปไกลถึงขนาดฟีเจอริ่งกับเจ้าเหมียวคิตตี้ ประกอบกับไอเดียชั้นเลิศในการโปรโมตที่เรียกเสียงฮือฮาได้ตลอดเวลา จนเราได้เห็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น เริ่มตั้งแต่แคมเปญหมีหายที่ทำเอาชาวเมืองโอซาก้าช่วยกันตามหาให้ควั่ก เอ็มวีออกกำลังที่ฮิตทั้งเพลงทั้งท่าเต้นจนเกิดกระแสคลั่งไคล้ไปทั่วญี่ปุ่น ถึงขนาดทำให้หมีคุมะมงได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ พร้อมกับแดนซ์ถวาย! โด่งดังขนาดนี้แล้ว แต่ไม่ทราบคุณผู้อ่านเคยสังเกตกันบ้างหรือไม่ ว่าแคมเปญโปรโมตเมืองคุมาโมโตะ ที่ใช้หมีสีดำทำหน้าตกใจอยู่ตลอดเวลาตัวนี้ โดยเนื้อแท้แล้ว เป็นหนึ่งในแคมเปญโฆษณาส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก ทั้งที่ไม่ได้มีเอเจนซี่โฆษณามาช่วยคิดช่วยทำให้ด้วยซ้ำไป เหนือชั้นกว่าแคมเปญระดับตำนาน กวาดรางวัลโฆษณาทั่วโลกอย่าง The Best Job in The World ที่เอเจนซี่โฆษณาเล็กๆ (ในขณะนั้น) CumminsNitro ทำเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลียในปี 2008-2009 เสียอีก ทำไมน่ะเหรอครับ ก็เพราะตั้งแต่เปิดตัวเจ้าหมีคุมะมงในปี 2010 มาจนถึงบัดนี้ มันก็ยังทำหน้าที่เชิญชวนผู้คนให้แห่ไปเที่ยวชมเมืองคุมาโมโตะอย่างได้ผล... Read The Rest →
a day: number 188: Agency Superstar

Global Review: Advertising ตอน เอเจนซี่ซูเปอร์สตาร์ By Weerachon Weeraworawit, Published: 25 April 2016 ในวงการโฆษณา การขายหุ้นของเอเจนซี่โฆษณาให้กับบริษัทในแวดวงเดียวกันดูจะเป็นเรื่องปกติ เข้าทำนองปลาใหญ่กินปลาเล็ก ซึ่งโดยมากมักจะเกิดจากการที่บริษัทแม่ซึ่งเป็นเน็ตเวิร์คใหญ่ เช่น WPP เจ้าของเอเจนซี่ชั้นนำอย่าง Ogilvy, Y&R, JWT หรือ Omnicom เจ้าของ TBWA, BBDO, DDB เข้าไปไล่ซื้อหุ้นหรือกิจการของบริษัทครีเอทีฟในรูปแบบต่างๆ ทั้งเพื่อขยายบริการของตนเองและเพื่อขยายผลกำไร จึงเป็นเรื่องแปลกไม่น้อยเมื่อ Droga5 สุดยอดเอเจนซี่โฆษณาอิสระแห่งนิวยอร์ค ที่ก่อตั้งขึ้นโดยครีเอทีฟระดับแนวหน้าของโลก David Droga ขายหุ้นบริษัทตนเองถึง 49% ให้กับเอเจนซี่อีกแห่งคือ William Morris Endeavor หรือ WME ในปี 2013 ที่ว่าแปลกคือเอเจนซี่ที่ว่านี้ ไม่ใช่เอเจนซี่โฆษณาด้วยกันเอง หากแต่เป็นเอเจนซี่ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทน คอยดูแลผลประโยชน์ให้กับบรรดาศิลปิน นักร้อง นักแสดง โดยเฉพาะกลุ่มดาราฮอลลีวู้ด ไปจนถึงนักกีฬาชื่อดังมากมาย และเนื่องจากไม่ใช่เรื่องราวการซื้อขายในแบบที่คนในวงการโฆษณาคุ้นเคย การซื้อขายครั้งนั้นจึงไม่ได้รับความสนใจมากนัก เรียกได้ว่า กระแสการพูดถึงและเป็นข่าว แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน เมื่อเทียบกับตอนที่ Publicis ประกาศควบรวมกิจการกับ Omnicom ในปีเดียวกัน หากแต่ผลงานที่ออกมาในช่วงสามปีมานี้ของ Droga5 กลับเรียกเสียงฮือฮาได้มากขึ้นเรื่อยๆ วิสัยทัศน์ชั้นเลิศในการที่ David Droga ตัดสินใจร่วมทุนกับเอเจนซี่ที่ทรงอิทธิพลกับซูเปอร์สตาร์ในฮอลลีวู้ด แทนที่จะขายหุ้นให้กับเน็ตเวิร์คโฆษณายักษ์ใหญ่เพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋า ยิ่งมายิ่งส่งผลถึงทิศทางของผลงาน ก็ถ้าคุณเป็นนักผลิตไอเดียชั้นยอดในการช่วยลูกค้าขายสินค้า จะมีอะไรดีไปกว่าการได้สุดยอดเซเลบริตี้มาช่วยถ่ายทอด และ WME ที่มาเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ ก็คือคำตอบนั้น เริ่มความฮือฮาด้วยการที่ Droga5 สามารถจัดสรรให้นางเอกชื่อดัง Naomi Watts เดินบนพรมแดงในเทศกาล Cannes Film Festival ปี 2014... Read The Rest →