BEYOND PRINT: 10th Article: Find Your Understanding

คิดนอกกระดาษ ตอน Find Your Understanding By Weerachon Weeraworawit, Published: 25 June 2013 ถ้าถามว่า ใครมีเพื่อนเป็นเกย์บ้าง ผมเชื่อว่าเกินครึ่งของคุณผู้อ่านคงจะตอบว่ามี และยิ่งถ้าถามคนที่ทำงานอยูในสายงานโฆษณา เชื่อขนมกินได้เลย ร้อยทั้งร้อยต้องตอบว่ามี ไม่เชื่อก็ลองหันมองไปรอบ ๆ ตัวตอนนี้ดูสิครับ ต้องเห็นเพื่อนเป็นเกย์ซักคนแหละน่า ก็วงการเราเป็นวงการครีเอทีฟนี่ครับ เพศที่สามเนี่ย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน มักจะมีความคิดสร้างสรรค์สูง จึงไม่แปลกที่ทุกเอเจนซี่โฆษณาจะมีเกย์ทำงานอยู่ จะว่าไปแล้ว วงการครีเอทีฟโฆษณาทั่วโลกก็เป็นเหมือนบ้านเรา แต่น่าแปลกที่โลกใบนี้ไม่เคยมีผลงานโฆษณาเกี่ยวกับเกย์ที่น่าจดจำเลยแม้แต่ชิ้นเดียว อาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ทำงานสายความคิดสร้างสรรค์ยังรับไม่ได้กับการคงอยู่ของพวกเค้า โดยเฉพาะพวกเคร่งศาสนาด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มสุกงอม จากการรณรงค์เรียกร้องสิทธิเสรีภาพของพวกเค้ามาอย่างยาวนาน และความเข้าอกเข้าใจที่เพิ่มมากขึ้นจากทุกฝ่าย ถึงขนาดที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศเห็นด้วยกับการผ่านกฎหมายให้เกย์สมรสกันได้ โดยใช้เป็นนโยบายหลักในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกางวดที่ผ่านมา จนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้โอบามาชนะเลือกตั้งไปแบบถล่มทลาย ประสานเสียงในการเปิดกว้างยอมรับตัวตนของพวกเค้ากับทั่วโลก โดยล่าสุด อิตาลีก็ผ่านกฎหมายสมรสเกย์ นับเป็นประเทศที่ 13 ของโลก นั่นทำให้ ในที่สุด เราก็ได้เห็นหนังโฆษณาเกี่ยวกับเกย์ที่น่าจดจำเสียที ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นหนังโฆษณาที่ดีที่สุดเรื่องนึงในรอบปีที่ผ่านมา จนได้รางวัล Ads Worth Spreading ของสุดยอดเวทีไอเดียเพื่อชาวโลกอย่าง TED มีหลายจุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่าง นอกจากหนังเรื่องนี้จะใช้เกย์ดำเนินเรื่อง และมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประเด็นเพศที่สามโดยตรงแล้ว ยังหยิบประเด็นความสัมพันธ์ในครอบครัวมาพูดถึงได้อย่างซาบซึ้ง ระหว่างพ่อที่ลังเลใจในการเดินทางไป Los Angeles เพื่อร่วมงานแต่งงานของลูกสาวตนเองที่กำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ครับ ผมกำลังพูดถึงหนังออนไลน์เรื่องเยี่ยมของ Expedia เรื่อง Find Your Understanding สร้างสรรค์โดยเอเจนซี่สายพันธุ์ใหม่ 180 LA หลังจากถ่ายทำหนังเรื่องนี้ไปเพียงไม่กี่เดือน Artie Goldstein คุณพ่อตัวจริงผู้ยอมให้ทีมงานนำเรื่องราวชีวิตครอบครัวของพวกเค้ามาตีแผ่ ก็เสียชีวิตลง หนังเรื่องนี้จึงเป็นมากกว่าแค่หนังโฆษณาบริษัทรับจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมทางออนไลน์ธรรมดา ๆ เรื่องหนึ่ง แต่ยังเป็นสารรักถึงลูก จากหัวอกผู้เป็นพ่อ ที่ถ่ายทอดความรักความเข้าใจสู่คนที่มีลูกทุกคนในโลก ไม่ว่าลูกของพวกเค้าหรือพวกคุณ จะเป็นเพศที่เท่าไหร่ก็ตาม “มันเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษ บางคนไม่เข้าใจมันเท่าไหร่ แต่พวกเราเข้าใจเป็นอย่างดี... Read The Rest →

a day: number 154: Space Presenter

Global Review: Advertising ตอน พรีเซ็นเตอร์จากห้วงอวกาศ By Weerachon Weeraworawit, Published: 10 June 2013 เป็นที่รับรู้มานานว่า การใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นกลยุทธ์หลักอย่างหนึ่งของวงการโฆษณา แต่นอกจากแบรนด์ระดับโลกไม่กี่แบรนด์ที่วางกลยุทธ์กันมาอย่างดี การเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์โดยทั่วไปมักเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ ตามแต่ใจเจ้าของสินค้าที่จ้องจะเกาะพรีเซ็นเตอร์ตามกระแส เราจึงแทบไม่เห็นพรีเซ็นเตอร์คนไหนสร้างกระแสใด ๆ ให้กับแบรนด์ แต่ในทางกลับกัน เพราะไม่มีเงินจ้างพรีเซ็นเตอร์ หรือมีเงินแต่ไม่อยากจ้าง ทำให้บางองค์กร สรรหาวิธีที่แตกต่างในการนำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์ และหนึ่งในกลวิธีที่ได้ผลกลับกลายเป็นการใช้พรีเซ็นเตอร์! ต่างกันตรงที่ เค้าให้คนในองค์กรออกหน้ามาเป็นกระบอกเสียงเสียเอง นอกจากจะประหยัดเงินได้มากโขแล้ว ยังช่วยสร้างการจดจำในแบรนด์ได้ดีกว่าไปจ้างดารา ที่รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ไม่รู้กี่จ๊อบต่อกี่จ๊อบ ตัวอย่างในแนวทางนี้ที่เราคุ้นตากันดี ใกล้ ๆ ตัวหน่อย ก็คุณตัน เจ้าของอิชิตัน ซึ่งเล่นหนังโฆษณาเอง โพสท์เฟสบุ๊คเอง ถึงขนาดมีตัวการ์ตูน Icon สไตล์ญี่ปุ่นเป็นรูปตัวเอง และตัวอย่างล่าสุดในแนวทางนี้ที่สร้างกระแสเป็นที่ฮือฮาระดับโลก คือ Chris Hadfield มนุษย์อวกาศชาวแคนาเดียน อดีตนักบินกองทัพอากาศ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวะการบิน แถมเก่งกาจในการใช้สื่อ Social Media อย่างน่าทึ่ง Chris ได้รับเกียรติให้เป็นชาวแคนาเดียนคนแรก ที่ได้เป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติภารกิจบน International Space Station (ISS) โดยขึ้นไปประจำการบนสถานีอวกาศนานาชาติ ตั้งแต่ 21 ธ.ค.ปีที่แล้ว กระทั่งกลับสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัยเมื่อ 13 พ.ค.ที่ผ่านมานี่เอง เกือบ 5 เดือนที่ Chris ใช้เวลาอยู่บนห้วงอวกาศ เค้าได้สร้างปรากฎการณ์สื่อที่แปลกใหม่ให้เกิดขึ้นบนพื้นโลก อย่างที่ไม่เคยมีมนุษย์อวกาศคนไหนทำได้มาก่อน ภารกิจที่ Chris ได้รับนอกเหนือจากการดูแลสถานีอวกาศและค้นคว้าวิจัย เค้ายังมีหน้าที่โปรโมทให้คนในประเทศแคนาดารับรู้ถึงการคงอยู่ของ Canadian Space Agency (CSA) ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด เป็น Ambassador หรือ Presenter ขององค์กร เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่อยากเรียนรู้และทำงานที่เกี่ยวข้องกับอวกาศ ซึ่งโดยทางอ้อม... Read The Rest →

a day: number 153: Ideas That Change The World

Global Review: Advertising ตอน ไอเดียเปลี่ยนโลก By Weerachon Weeraworawit, Published: 10 May 2013 ช่วงนี้ เป็นช่วงเวลาที่คนในวงการโฆษณารอคอย เพราะรางวัลครีเอทีฟระดับโลก One Show, D&AD, Clio ต่างทยอยประกาศผลกันออกมา ก่อนจะถึงไคลแมกซ์ที่เวที Cannes ปลายเดือนมิถุนายนนี้ จากผลการตัดสิน เห็นแนวโน้มได้ชัดว่าหนังออนไลน์รณรงค์ให้คนรอรถไฟ Metro Trains ระมัดระวังตัวเอง จะได้ไม่พลาดพลั้งตกรางโดนรถไฟทับตายโง่ ๆ Dumb Ways to Die จากเอเจนซี่ McCann Melbourne น่าจะเป็นตัวเก็งลำดับต้น ๆ ที่จะไปคว้ารางวัลใหญ่ที่คานส์ ไม่เฉพาะเวทีโฆษณา หนังเรื่องนี้ยังชนะใจคนทั้งโลก พิสูจน์ได้จากยอดเข้าชมใน YouTube ถึง 45 ล้านวิวเข้าให้แล้ว ใครยังไม่ดูก็รีบคลิกเข้าไปดูนะครับ ถ้าไม่อยากตกขบวนเทรนด์ พูดถึงเทรนด์แล้ว ดูเหมือนว่า งานโฆษณาชั้นยอดในยุคหลัง ๆ ต่างมีทิศทางเดียวกัน คือ เป็นงานครีเอทีฟที่มีเจตนาเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานเพื่อรัฐบาล องค์กรการกุศล หรือแบรนด์สินค้าบริการ จะว่าไปแล้ว จุดเริ่มต้นของเทรนด์นี้ ต้องยกเครดิตให้งาน 3 ชิ้น ที่พร้อมใจกันคว้ารางวัลใหญ่ในปี 2007 งานชิ้นแรกคือ Solar Powered Billboard ของ Nedbank โดยเอเจนซี่ Net#work BBDO ที่ Johannesburg แอฟริกาใต้ ซึ่งได้ Cannes Outdoor Grand Prix ในปีนั้น ไอเดียเปลี่ยนบิลบอร์ดเป็นแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กำเนิดพลังไฟฟ้าไปหล่อเลี้ยงครัวโรงเรียนประถมที่นั่น ทั้งแปลกใหม่และมีคุณค่าต่อสังคม ที่สำคัญเป็นงานจริง ไม่ได้ถูกจัดทำขึ้นมาโดย Scam... Read The Rest →

BEYOND PRINT: 9th Article: Nobel Admen

คิดนอกกระดาษ ตอน น้องๆ โนเบล By Weerachon Weeraworawit, Published: 25 April 2013 ผมคิดว่าพอต้นฉบับนี้ออกสู่สายตาคุณผู้อ่าน รายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายเพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาตัดสินว่า ใครจะเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ไปครองก็น่าจะออกสู่สายตาชาวโลก สำหรับคนเดินดินกินข้าวแกงอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ เนี่ย มันช่างเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่และไกลตัว เพราะนอกจากเงินติดปลายนวมเป็นล้านที่ผู้ชนะจะได้รับจากทางสถาบัน ยังเท่ากับว่าผู้ได้รับรางวัลได้รับการยอมรับในคุณค่าของผลงานที่มีต่อชนชาวโลก จึงไม่แปลกที่แค่ดูรายชื่อคนที่มีแนวโน้มจะได้รางวัลนี้ในแต่ละปีก็ซี้ดแล้ว ยิ่งดูผลงานก็ยิ่งซี้ดหนักขึ้นไปอีก ก็น่าอยู่หรอก ที่โลกจะสรรเสริญในความกล้าหาญชาญชัยและจิตใจเด็ดเดี่ยว ยึดมั่นในอุดมคติอันส่งผลให้เกิดการกระทำอันมีคุณค่ากับมนุษย์รอบตัวกันได้ขนาดนี้ แล้วคุณผู้อ่านที่ทำงานสายโฆษณาเคยสงสัยและตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนผมมั้ยครับว่า เอ๊! อาชีพคนคิดและทำงานโฆษณาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ เนี่ย มีโอกาสจะได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพกะเค้าบ้างมั้ยนะ อะแฮ่ม! ในขณะที่เราต่างง่วนทำงานและขวนขวายเพื่อได้มาซึ่งสารพัดรางวัลโฆษณาในแต่ละปี ไม่ว่าจะเป็น Cannes เอย One Show เอย D&AD เอย AdFest เอย B.A.D. เอย Adman เอย สารพัดเอยเกินจาระไนได้หมดเนี่ย ผลงานโฆษณาทั้งชีวิตของเราจะมีโอกาสได้รับการชื่นชมถึงคุณค่าที่มีต่อโลกในระดับ Nobel Prize กันหรือไม่ ลองมาคิดดูเล่น ๆ กันมั้ยครับว่า ครีเอทีฟวงการนี้ ใครบ้างที่น่าจะใกล้เคียง? ไม่ต้องเฉพาะคนไทยก็ได้นะครับ เพราะดูจะยากไปหน่อย ลองลิสต์ครีเอทีฟต่างชาติด้วยก็ได้ ลองลิสต์ไปลิสต์มา ผมก็เริ่มเห็นว่า คงไม่ใช่ผมคนเดียวที่ตั้งคำถามเพ้อฝันแบบนี้ เพราะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกิดเทรนด์ใหม่อย่างหนึ่งในวงการโฆษณาของเรา คือโฆษณาที่สร้างคุณประโยชน์กับโลก ไม่ใช่แค่ส่งเสริมนะครับ แต่ถึงกับสร้างประโยชน์ที่จับต้องได้ให้เห็นกันจะ ๆ เลยทีเดียว ทั้งเกิดผลลัพธ์ที่กว้างไกลไพศาล จนชักไม่แน่ใจว่า เราอาจจะได้เห็นคนโฆษณาขึ้นไปรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพกันจริง ๆ ซักวันนึงก็เป็นได้ โดยผู้จุดประกายคนแรก ๆ ก็คือ David Droga สุดยอดครีเอทีฟเชื้อสายออสซี่ผู้ก่อตั้งเอเจนซี่อิสระ Droga5 ในนิวยอร์คนั่นไงครับ คิดว่าคงยังจำผลงาน Tap Project... Read The Rest →

a day: number 152: Cannes Innovation Lions

Global Review: Advertising ตอน เจาะรหัส Cannes Innovation Lions By Weerachon Weeraworawit, Published: 10 April 2013 สังเกตกันบ้างมั้ยครับ ช่วงนี้ ไม่ว่าจะอ่านอะไร หรือคุยกับใคร เป็นมักได้ยินคำว่า AEC (The ASEAN Economic Community) เพราะอีกแค่สองปี กลุ่มประเทศอาเซียน ก็จะเปิดประตูทำการค้ากันแบบเสรี ยิ่งพอผมได้พาตัวเองออกไปทำงานเปิดหูเปิดตานอกประเทศ ยิ่งเห็นได้ชัดว่า เพื่อนบ้านเราเองก็ดูเอาจริงเอาจังกับ AEC ไม่น้อยไปกว่าเราเลย ตื่นตัวกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษกันยกใหญ่ แต่ทว่า ในการพาประเทศก้าวไปข้างหน้าเพื่อแข่งขันกับชาวโลก การเรียนรู้ทักษะภาษาอังกฤษเพียงภาษาเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะแม้แต่ในประเทศเจ้าของภาษาอย่างสหรัฐอเมริกาเนี่ย ล่าสุด พวกนักคิดหัวก้าวหน้า ก็ยังต้องออกมารณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลเค้าเปิดสอนภาษาใหม่ให้เด็ก ๆ ที่นู่นได้หัดเรียนรู้กันตั้งแต่ชั้นประถม ภาษาอะไรน่ะเหรอครับ คุณผู้อ่านลองคลิกเข้าไปดูได้เลยที่ code.org ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งหวังพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยผู้ก่อตั้งเป็นฝาแฝดชื่อ Hadi & Ali Partozi สองมหาเศรษฐีหนุ่มที่ก่อร่างสร้างตัวจากธุรกิจออนไลน์ พวกเค้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากการได้นั่งเป็นที่ปรึกษาให้กับบรรดาองค์กรไฮเทค และพบว่าผู้บริหารแต่ละที่ต่างพร่ำบ่นกันถึงไอเดียเจ๋ง ๆ ของพนักงานในองค์กรที่มีมากล้น แต่ขาดคนเขียนโค้ด! ไอเดียเหล่านั้นก็เลยยังเป็นแค่ความฝัน ไม่ได้รับการนำมาสร้างสรรค์ให้เป็นจริง อีกทั้งสถิติยังชี้ชัดว่า ในอีกสิบปีข้างหน้า จะมีความต้องการนักเขียนโค้ด หรือโปรแกรมเมอร์ในอเมริกาจำนวน 1,400,000 คน แต่จำนวนคนที่มีความสามารถพอได้รับการว่าจ้างจะมีเพียง 400,000 คน โอ้ว! ใครอ่านเขียนโค้ดเป็นยกมือขึ้น คุณคือผู้โชคดี เพราะทักษะนี้กำลังเป็นที่ต้องการ ยิ่งไปกว่านั้น ปรากฎการณ์ที่บ่งชี้ถึงความสำคัญของนักเขียนโค้ด ก็กำลังจะส่งผลกระทบถึงศักยภาพวงการโฆษณาประเทศเราเข้าอย่างจัง! โดยปีนี้ Cannes Lions International Festival of Creativity ที่ก้าวเข้าสู่แซยิดฉลองครบรอบ 60 ปี ระหว่างวันที่ 16 ถึง 22... Read The Rest →

Newer Entries »

Back to top