a day: number 173: Rewind 2014

a day 173 covera day 173-2

Global Review: Advertising ตอน Rewind 2014

By Weerachon Weeraworawit, Published: 9 January 2015

เป็นธรรมเนียมไปแล้วนะครับ ส่งท้ายปีเก่าทีไร ทาง YouTube จะต้องทำวิดีโอรวมเรื่องราวฮิตในรอบปีที่ผ่านมา โดยหยิบคลิปดังๆ มายำเป็นเวอร์ชั่นสนุกๆ ในชื่อ Rewind

youtube rewind2

และทุกปีก็จะมีคลิปงานโฆษณาเด่นๆ ของโลกติดเข้าไปอยู่ในนั้น อย่างในปี 2011 มีหนังโฆษณารถ Volkswagen เรื่อง The Force ที่เด็กน้อยตัวเอกของเรื่องคิดว่าตนเองมีพลังวิเศษด้านมืดเหมือน Darth Vader ไล่สะกดจิตใจผู้ชมทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์จนกวาดรางวัลโฆษณาใหญ่ๆ และยอดวิวใน YouTube ไปแบบล้นหลาม ในปี 2012 ก็มีงาน Red Bull Stratos ที่การกระโดดดิ่งพสุธาลงมาจากสุดขอบโลกของนาย Felix Baumgartner กลายเป็นที่กล่าวขานกันทั้งโลก พร้อมกับ Dumb Ways to Die ของ Metro Trains Melbourne ที่บทเพลงน่ารักน่าชังพร้อมการออกแบบคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนอันน่าจดจำ ทำให้งานโฆษณารณรงค์เรื่องความปลอดภัยในการโดยสารรถไฟชิ้นนี้ฮิตสุดๆ ได้เข้าไปอยู่ในคลิป YouTube Rewind อย่างไม่ยากเย็น รวมถึงแคมเปญ Dove Real Beauty Sketches ในปี 2013

BethanyMota-YouTubeRewind2014-1-

ซึ่งใน 3 ปีหลังนี้ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ารูปแบบในการนำเสนอคลิปรวมฮิตประจำปีเปลี่ยนไป ลองเข้าไปดูใน YouTube.com/Rewind นะครับ แทนที่จะนำคลิปดังๆ มาตัดต่อตรงๆ แล้วจัดอันดับความนิยมเหมือนในปี 2011 พวกเขากลับเลือกใช้บรรดาเน็ตไอดอลล้วนๆ มานำเสนอเรื่องราวดังๆ ในลักษณะรีเมค โดยในปี 2014 เปิดตัวคลิปด้วย PewDiePie เจ้าของ Channel ที่มีผู้ติดตามกว่าสามสิบล้านคน แล้วค่อยตามด้วยเน็ตไอดอลมากมายที่เรียงหน้ากันมารีเมคเหตุการณ์ต่างๆ อย่าง Epic Selfie ที่ Ellen ถ่ายกับเหล่าดาราดังในงานแจกรางวัลออสการ์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ Samsung ได้ Gold Cannes Lions ในหมวด Branded Content & Entertainment ปี 2014 ไปครอง รวมไปถึงการจำลองแคมเปญการกุศลระดับปรากฏการณ์ Ice Bucket Challenge และการล้อเลียนมิวสิควิดีโอดังๆ ที่มีเพลงฮิตตอนต้นปีอย่าง Let It Go จากภาพยนต์แอนิเมชั่นเรื่อง Frozen เพลง Happy ของ Pharrell Williams ตามด้วยเพลง Fancy ของ Iggy Azalea เพลง Bang Bang ของ Jessie J และเพลงฮิตส่งท้ายปี All About That Bass ของ Meghan Trainor

article-2571848-1BFB39D400000578-124_964x511

เหตุที่ YouTube เลือกรวมเน็ตไอดอลมาเป็นผู้นำเสนอคลิป Rewind ก็เนื่องมาจากทิศทางของแบรนด์ที่ขยับเข้าหาการสร้าง Content เป็นของตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่พึ่งพาแต่คลิปจากทางบ้าน หรือที่เรียกว่า User-Generated Content เหมือนที่ผ่านมา การทำให้คนติดตามเน็ตไอดอลใน YouTube มากขึ้น นอกจากจะสร้างแรงจูงใจให้คนเปิด Channel เผื่อจะได้อานิสงส์ของความเป็นเน็ตไอดอลเหมือนอย่าง John Green ผู้เขียน The Fault in Our Stars ที่ทั้งหนังสือและหนังดังเปรี้ยงปร้างตั้งแต่ยังไม่วางแผงและออกฉาย เพราะมีสาวก VlogBrothers Channel ของเขาคอยช่วยโปรโมต ยังจะพลอยทำให้เกิดรายได้จากค่าโฆษณาบนคลิปของเน็ตไอดอลมากขึ้นตามมา โดยการลงโฆษณาใน YouTube ปัจจุบัน ถึงแม้จะมีอยู่หลายลักษณะ แต่เมื่อเทียบตัวเลขค่าซื้อพื้นที่โฆษณากับยอดวิวมหาศาลของผู้ชมในแต่ละวัน มันช่างไม่สมดุลย์กันอย่างรุนแรง

the-fault-in-our-stars-movie-poster

มาในปี 2014 นี้ทาง Google ผู้เป็นเจ้าของจึงลงทุนทำแคมเปญโฆษณาเต็มรูปแบบ เน้นโปรโมตเน็ตไอดอลที่แจ้งเกิดมาจาก YouTube Channel ออกทางสื่อ Traditional ต่างๆ มีการลงทุนทำ Production Studio เป็นของตนเองในเมืองสำคัญๆ ในอเมริกา มีการจ้างบริษัทผลิตภาพยนตร์มาผลิตซีรีส์เป็นตอนๆ ออกมาท้าชนรายการโทรทัศน์ปกติรวมทั้ง Netflix และ Amazon แถมยังแยกดนตรีออกมาเป็นหมวดใหญ่ เพื่อปะทะกับ Pandora, Spotify และ iTune โดยตรง ล่าสุดนี่ก็ได้ลิขสิทธิ์ Taylor Swift มาอัพโหลดบทเพลงและเรื่องราวของเธอให้แฟนๆ ได้ติดตามในแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

YouTube_nyc subway train wrap ad

พิสูจน์ให้เห็นว่ายุคนี้ Content เป็นใหญ่จริงๆ ขนาดเจ้าพ่อสื่อออนไลน์ระดับนี้ ยังต้องหันมาปั้น Content เป็นของตนเอง หรือหาทางจับจองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ยิ่งตอนนี้ Facebook เปิดนับจำนวนวิวในคลิปที่อัพโหลดลง Facebook มางัดกับกับจุดแข็งในการขายโฆษณาของ YouTube เรื่องการนับยอดวิว การสร้างและเป็นเจ้าของ Content จึงยิ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่รอดและเติบโต และยิ่งสู้กันอย่างนี้ยิ่งดี กำไรในการดูและฟัง จะได้ตกอยู่กับพวกเราเหล่ากองเชียร์

a day 173-3

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Back to top