Global Review: Advertising ตอน แชมเปี้ยนโฆษณาโอลิมปิก
By Weerachon Weeraworawit, Published: 25 August 2016
โหมโรงอย่างเงียบเชียบ สำหรับโอลิมปิกฤดูร้อน ที่กรุงรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากโดนข่าวใหญ่มากมายไล่กลบพื้นที่ข่าวซะมิด อย่างผลโหวตช็อคโลก Brexit ที่ทำให้สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป และเหตุก่อการร้ายในประเทศต่างๆ นำไปสู่ความผันผวนในทุกด้านที่ทำให้ผู้คนต้องติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของมหกรรมกีฬาเอง ก็โดนการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งที่ผ่านมาแย่งพื้นที่ข่าวไปจนเกลี้ยง
ในแง่ของข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิกเอง ก็พาลเป็นข่าวในด้านลบซะเป็นส่วนมาก ไม่ว่าจะเป็นข่าวความกังวลที่มีต่อมหันตภัยไวรัสซิก้า ทำเอานักกอล์ฟและนักเทนนิสชั้นนำถอนตัวกันอื้อ รวมไปถึงความไม่เชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัยของประเทศเจ้าภาพ ทำให้ต้องลุ้นยอดผู้เข้าร่วมชมมหกรรมกีฬาครั้งนี้กันตัวโก่ง
นั่นทำให้ในปีนี้ ผู้จัดการแข่งขันน่าจะต้องขอบคุณบรรดาผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้มากๆ เพราะถ้าจะมีการพูดถึงโอลิมปิกแบบเสียงดังฟังชัด เรียกกระแสความสนใจจากคนทั่วไปอย่างได้ผล ก็ต้องยกเครดิตจำนวนมากให้กับแคมเปญโฆษณาของสปอนเซอร์ ที่เทงบฯ มาโปรโมตแบรนด์กันเป็นว่าเล่น เท่ากับช่วยโปรโมตโอลิมปิกไปด้วยในตัว
เริ่มด้วย Coca-Cola โดย Ogilvy & Mather บราซิล ออกแคมเปญ #THATSGOLD ต่อยอดแคมเปญใหญ่ที่กำลังใช้อยู่ทั่วโลก Taste the Feeling ฉลองอารมณ์ที่ได้จากความสดชื่นในการดื่มโค้ก ว่ามีคุณค่าดุจเดียวกับอารมณ์ของนักกีฬาที่ชนะได้เหรียญทอง
ต่อด้วยยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้า Samsung ที่ออกตัวแรงแจกโทรศัพท์มือถือรุ่นพิเศษ Galaxy S7 Edge และหูฟัง Gear IconX ให้กับนักกีฬาทุกคนที่เข้าร่วมแข่งขัน ควบคู่ไปกับแคมเปญหนังสารคดีชั้นยอด A Fighting Chance ที่ได้ผู้กำกับภาพยนตร์รางวัลออสการ์ Morgan Neville มาช่วยถ่ายทอดเรื่องราวของนักกีฬาในประเทศที่ด้อยโอกาส กับความฝันในการเป็นผู้ชนะกีฬาโอลิมปิก
และที่ต้องจับตามองคือเจ้าพ่อเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา Nike ที่ได้เป็นสปอนเซอร์หลักสมใจเสียที หลังจากที่ปิดดีลล้มการผูกขาดโอลิมปิกจาก Adidas มาได้ ต้องคอยดูว่าทางเอเจนซี่คู่บุญ Wieden + Kennedy จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานเอาชนะสุดยอดแคมเปญ Find Your Greatness ที่ตนเองทำไว้ เมื่อคราวยังไม่ได้เป็นสปอนเซอร์หลักในปี 2012 ได้สำเร็จหรือไม่ แถมเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก็ต้องเอาชนะมหากาพย์หนังออนไลน์เรื่อง The Switch ที่ทำโดย Wieden + Kennedy ลอนดอน เพื่อร่วมโปรโมตเทศกาลฟุตบอลยูโรที่ผ่านมาให้ได้ด้วย
รวมไปถึงยังต้องต่อกรกับว่าที่เจ้าเหรียญทองเวทีประกวดโฆษณาโลกจากช่อง Channel 4 ของอังกฤษ กับหนังโฆษณาความยาวกว่า 3 นาทีเรื่อง We’re the Superhumans ที่สร้างสรรค์โดยทีมครีเอทีฟของทางช่องและได้ผู้กำกับฯ มือทอง Dougal Wilson มาถ่ายทอด หนังสดุดีสปิริตคนพิการและนักกีฬาพิการที่เข้าร่วมแข่งขันพาราลิมปิก ภายใต้ความขึงขังของบทเพลง Yes I Can โดย Sammy Davis Jr. ซึ่งนับเป็นภาคต่อของหนังโฆษณาเรื่อง Meet the Superhumans ที่ได้รางวัล Film Craft Grand Prix ที่คานส์ในปี 2013 และยังทำให้เรตติ้งการแข่งขันพาราลิมปิกทางช่อง Channel 4 ในคราวนั้นพุ่งกระฉูด
นี่ยังไม่นับว่าจะต้องต่อกรกับบรรดาแบรนด์ที่ไม่ได้เป็นสปอนเซอร์ แต่มักจะงัดแคมเปญออกมาเล่นงานในลักษณะ Ambush Marketing ดังนั้น ดูโอลิมปิกกันแล้ว อย่าลืมติดตามงานโฆษณาไปด้วยนะครับ รับรองว่าเชือดเฉือนกันมันส์หยด ไม่แพ้การแข่งขันในสนาม
Leave a Reply